Flag EnglandFlag Thailand

โปรแกรมจัดตารางกะอัจฉริยะ: เครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจยุคใหม่


shift scheduling


การบริหารจัดการพนักงานให้มีประสิทธิภาพเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ประกอบการและฝ่ายทรัพยากรบุคคลในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจที่ต้องมีการทำงานเป็นกะ การวางแผนตารางการทำงานที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ยังส่งผลต่อความพึงพอใจของพนักงานและผลกำไรของบริษัทอีกด้วย บทความนี้ ByteHR จะแนะนำให้คุณรู้จักกับโปรแกรมจัดตารางกะที่จะช่วยปฏิวัติการบริหารทรัพยากรบุคคลของคุณอย่างสิ้นเชิง


ทำไมธุรกิจจึงจำเป็นต้องใช้โปรแกรมจัดตารางกะ?


ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ การใช้โปรแกรมจัดตารางกะไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน ต่อไปนี้คือเหตุผลสำคัญที่คุณควรพิจารณา

1. ประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาด

การจัดตารางกะด้วยมือหรือใช้โปรแกรม Excel แบบพื้นฐานอาจใช้เวลานานและเกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย โปรแกรมจัดตารางกะอัตโนมัติช่วยลดเวลาในการวางแผนได้มากถึง 80% และลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดจากการทำงานซ้ำซ้อน


2. เพิ่มความยืดหยุ่นและการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง

ธุรกิจในปัจจุบันต้องพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โปรแกรมจัดตารางกะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนตารางงานได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น พนักงานลาป่วยกะทันหัน หรือความต้องการกำลังคนที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล


3. ช่วยบริหารต้นทุนแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบอัจฉริยะจะช่วยคำนวณชั่วโมงการทำงานล่วงเวลา และเสนอทางเลือกที่ประหยัดต้นทุนมากที่สุด ทำให้คุณสามารถควบคุมงบประมาณด้านบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ


4. เพิ่มความพึงพอใจให้กับพนักงาน

โปรแกรมจัดตารางกะสมัยใหม่มักมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้พนักงานมีส่วนร่วมในการเลือกกะการทำงานที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง ช่วยสร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว ส่งผลให้พนักงานมีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น และลดอัตราการลาออก


คุณสมบัติสำคัญของโปรแกรมจัดตารางกะที่ดี

เมื่อคุณตัดสินใจเลือกใช้โปรแกรมจัดตารางกะ ควรพิจารณาคุณสมบัติเหล่านี้


1. ระบบอัตโนมัติและอัลกอริทึมอัจฉริยะ

โปรแกรมที่ดีควรสามารถสร้างตารางกะได้อย่างอัตโนมัติโดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ทักษะของพนักงาน ความต้องการกำลังคนในแต่ละช่วงเวลา กฎหมายแรงงาน และข้อตกลงสหภาพแรงงาน


2. การแจ้งเตือนและการสื่อสารแบบเรียลไทม์

ความสามารถในการแจ้งเตือนพนักงานทันทีเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตารางงาน และช่องทางการสื่อสารที่ให้พนักงานสามารถแจ้งความประสงค์ในการเปลี่ยนกะหรือขอวันหยุดได้โดยง่าย


3. การบูรณาการกับระบบอื่นๆ

โปรแกรมควรสามารถเชื่อมต่อกับระบบการจ่ายเงินเดือน ระบบบันทึกเวลาเข้างาน และแพลตฟอร์ม HR อื่นๆ ที่บริษัทใช้งานอยู่ เพื่อลดการทำงานซ้ำซ้อนและความผิดพลาด


4. การรายงานและวิเคราะห์ข้อมูล

ความสามารถในการสร้างรายงานเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรบุคคล ต้นทุนแรงงาน และประสิทธิภาพของทีม ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลจริง


5. การใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

แอปพลิเคชันบนมือถือที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ทั้งผู้จัดการและพนักงานสามารถเข้าถึงและจัดการตารางงานได้ทุกที่ทุกเวลา


โปรแกรมจัดตารางกะยอดนิยมในตลาดปัจจุบัน

ปัจจุบันมีโปรแกรมจัดตารางกะมากมายให้เลือกใช้ แต่ละโปรแกรมมีจุดเด่นและเหมาะกับธุรกิจที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้คือโปรแกรมยอดนิยมที่น่าสนใจ:

1. ByteHR Scheduler

โปรแกรมจัดตารางกะของไทยที่เข้าใจบริบทการทำงานและกฎหมายแรงงานไทยเป็นอย่างดี มีฟีเจอร์ครบครัน ใช้งานง่าย และรองรับภาษาไทย เหมาะสำหรับธุรกิจทุกขนาดตั้งแต่ SME จนถึงองค์กรขนาดใหญ่


2. Deputy

โปรแกรมระดับโลกที่ใช้งานง่าย มีระบบการแจ้งเตือนที่ดี และสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้หลากหลาย


3. When I Work

เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง มีแอปพลิเคชันมือถือที่ใช้งานสะดวก และฟีเจอร์การสื่อสารระหว่างทีมที่ดีเยี่ยม


4. Planday

โปรแกรมที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับธุรกิจร้านอาหารและค้าปลีก มีระบบการคาดการณ์ความต้องการกำลังคนที่แม่นยำ


5. Humanity

มีความยืดหยุ่นสูง รองรับการทำงานในหลากหลายอุตสาหกรรม และมีฟีเจอร์การจัดการทักษะพนักงานที่โดดเด่น


5 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จในการใช้โปรแกรมจัดตารางกะ

program


การนำโปรแกรมจัดตารางกะมาใช้ในองค์กรเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้


1. วิเคราะห์ความต้องการขององค์กร

ก่อนเลือกโปรแกรม ควรวิเคราะห์รูปแบบการทำงานของบริษัท จำนวนพนักงาน ประเภทของกะงาน และความซับซ้อนของตารางการทำงาน เพื่อให้ได้โปรแกรมที่ตอบโจทย์ความต้องการจริงๆ


2. ทดลองใช้ก่อนตัดสินใจซื้อ

โปรแกรมจัดตารางกะส่วนใหญ่มักเสนอทดลองใช้ฟรี ควรใช้โอกาสนี้ทดสอบความเหมาะสมกับธุรกิจของคุณ โดยทดลองใช้งานจริงกับแผนกใดแผนกหนึ่งก่อน


3. อบรมพนักงานอย่างทั่วถึง

การอบรมทั้งผู้จัดการและพนักงานให้เข้าใจวิธีการใช้โปรแกรมเป็นสิ่งสำคัญ ควรเตรียมคู่มือการใช้งานที่เข้าใจง่ายและจัดการฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอ


4. รับฟังข้อเสนอแนะและปรับปรุง

หลังจากเริ่มใช้งาน ควรรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ใช้ทุกระดับ และทำการปรับแต่งระบบให้เหมาะสมยิ่งขึ้น


5. ติดตามและวัดผล

ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าคุณต้องการให้โปรแกรมช่วยปรับปรุงอะไรบ้าง เช่น ลดเวลาในการจัดตารางงาน ลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน หรือเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน จากนั้นติดตามและวัดผลอย่างสม่ำเสมอ

ติดตามบทความความรู้เกี่ยวกับภาษี เคล็ดลับและความรู้สำหรับพนักงานและผู้ประกอบการ และการพัฒนาทรัพยากรบุคคลได้ที่ ByteHR หรือ หากคุณต้องการเริ่มต้นใช้โปรแกรมสำหรับ HR แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มอย่างไรและฟังก์ชันต่างๆจะตอบสนองความต้องการใช้งานของบริษัทคุณหรือไม่ ลองปรึกษา ByteHR ได้ฟรีทาง  02 026 3297 หรือติดต่อ sales@byte-hr.com

Sea Chonthicha
เกี่ยวกับผู้เขียน
ซีมีประสบการณ์ทำงานที่หลากหลายกว่า 9 ปี ในด้านทรัพยากรบุคคล การสรรหาบุคลากร และการตลาดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ ปัจจุบันเธอกำลังสร้างประสบการณ์การทำงาน ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในภาคธุรกิจการบริการ โดยใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของเธอในการขับเคลื่อนกลยุทธ์นวัตกรรมทางการตลาด